จิตสำนึก ยาสามัญประจำตัวที่ควรมีในการ “ขับขี่”
การขาด จิตสำนึก การเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่มักจะเกิดอยู่บ่อย ๆ มักจะขาดสิ่งนี้อยู่บ่อย ๆ เสมอ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอยู่บ่อย ๆ การสร้างจิตสำนึกจะเป็นตัวที่ยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนได้เป็นอย่างดี ซึ่งมันควรร่วมมือร่วมใจกันเพื่อให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปด้วยความราบรื่น มีความสุข มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยต่อตนเองและเพื่อนร่วมทางเพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มากขึ้น
จิตสำนึกยาขนานดีที่ควรมีในเวลาขับขี่
บางครั้งถ้าพูดคำว่าจิตสำนึกมันก็ดูเป็นเรื่องง่าย แต่จริง ๆ แล้วมันคือ สิ่งที่ควรกระทำอย่างมาก เราจะเห็นได้ว่าข่าวการเกิดอุบัติเหตุในประเทศไทยจะเกิดเหตุการณ์นี้อยู่บ่อยครั้ง ทำให้ทุกคนที่ใช้รถใช้ถนนแทนที่เราจะระมัดระวังเพื่อเตือนสติตัวเอง กลายเป็นว่าต้องระมัดระวังการขับขี่ที่ขาด “จิตสำนึก” ของผู้อื่นด้วย
ประโยชน์ของการสร้างจิตสำนึกในการขับขี่ โดยขอแบ่งเป็นประโยชน์ในภาพรวมเพื่อรักษาบรรยากาศที่ดีในการขับขี่ ซึ่งมันจะมีประโยชน์ดังนี้
- รักษากฎหมายจราจร : การสร้างจิตสำนึกในการขับขี่ จะช่วยให้เราไม่ผิดกฎหมายจราจร ไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมายเรื่องเมาไม่ขับ การระมัดระวังความเร็ว โทรขณะขับรถ ขับสวนทาง จอดรถในที่กีดขวางทางจราจร ขับรถส่งเสียงรบกวน ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านั้นรบกวนในการขับขี่ และส่งผลเสียในทางกฎหมายตามมา การสร้างจิตสำนึกจะช่วยให้ตระหนักตรงนี้ได้
- ลดความเห็นแก่ตัวลง : เคยได้ยินไหมที่จะได้ยินคำว่า “มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง” หากใครเป็นคนที่หัวร้อนในการขับขี่ หากมีจิตสำนึกในการขับขี่ จะช่วยยับยั้งชั่งใจ และใจเย็นลงในการขับขี่มากขึ้น ไม่ใช่อยากจะแซงก็แซง อันไหนไม่สมควรแซงก็อย่าแซงเลย ไม่ว่าจะรถขนาดเล็กหรือรถขนาดใหญ่ นอกจากนี้อย่าสร้างความบาดหมางในการใช้รถใช้ถนน ก็เป็นการสร้างจิตสำนึกรูปแบบหนึ่ง
- มีสติมากขึ้น : การขับรถไม่ว่าจะยานพาหนะประเภทไหนก็ตาม จะต้องมีสติมากขึ้น เนื่องจากการมีสติในการขับขี่นอกจากช่วยให้มีสมาธิในการขับรถแล้ว ยังช่วยประคองตนเองให้พ้นจากอันตรายมากขึ้น
จิตสำนึกที่ดี…ทุกคนสร้างได้
การสร้างจิตสำนึกนั้นมันไม่ได้แค่สร้างภายในวันเดียวแล้วจบเลย แต่มันควรจะสร้างความต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกคนขับขี่ได้อย่างมีความสุข ลดข้อพิพาท ลดปัญหาที่จะเกิดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุตามมา แต่เป็นเรื่องที่ง่ายมากถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน เพียงเท่านี้ก็ลดปัญหาการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มากขึ้นอีกด้วย
Source : mgronline